ซูเปอร์โพล เผยคนส่วนใหญ่ ปรามม็อบหยุดจาบจ้วง ควรชุมนุมเฉพาะเรื่องการเมือง และกว่าครึ่งเชื่อนักการเมืองอยู่เบื้องหลังม็อบเยาวชน จี้ตำรวจต้องรักษาความสงบสุขประชาชน ต้องตัดไฟแต่ต้นลม
เมื่อวันที่ 16 ส.ค. ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ม็อบต้องเลิกล่วงละเมิดสถาบันฯ ตำรวจต้องรักษาความสงบสุขประชาชน กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ และการวิจัยเชิงคุณภาพ ผ่าน “เสียงประชาชนในโลกโซเชียล” จำนวน 22,046 ตัวอย่าง และ “เสียงประชาชนในสังคมดั้งเดิม” จำนวน 1,497 ตัวอย่าง พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 95.8 ระบุ ม็อบต้องเลิกล่วงละเมิดสถาบันฯ หยุดเอาสถาบันหลักของชาติเป็นเครื่องมือของทุกฝ่ายให้การชุมนุมเป็นเฉพาะเรื่องการเมืองการทำงานของรัฐบาลและนักการเมือง ในขณะที่มีเพียงร้อยละ 4.2 ระบุแล้วแต่ผู้ชุมนุม
ที่น่าพิจารณาคือ ประชาชนส่วนใหญ่เกือบร้อยละ 100 คือร้อยละ 99.4 ระบุ ยังจำได้ต่อความดีและประโยชน์สุขของประชาชนที่ได้รับจากสถาบันหลักของชาติที่ได้สร้างสมมาจากอดีตถึงปัจจุบัน ในขณะที่ร้อยละ 0.6 ระบุ จำไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 58.7 กังวลต่อม็อบ จะก่อให้เกิดความรุนแรงบานปลายและสูญเสีย ในขณะที่ร้อยละ 41.3 ไม่กังวล นอกจากนี้ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 78.1 ระบุ ตำรวจต้องรักษาความสงบสุขประชาชน จึงต้องตัดไฟแต่ต้นลม ดำเนินคดีต่อแกนนำที่ละเมิดต่อสถาบันหลักของชาติ ในขณะที่ร้อยละ 21.9 ไม่เห็นด้วย
ที่น่าเป็นห่วงคือ คนทั้งในโลกโซเชียลและนอกโลกโซเชียลส่วนใหญ่หรือร้อยละ 57.5 ของคนนอกโลกโซเชียล และร้อยละ 53.4 ของคนในโลกโซเชียล คิดว่า มีนักการเมืองสนับสนุนอยู่เบื้องหลังม็อบเยาวชน ในขณะที่ ร้อยละ 42.5 ของคนนอกโลกโซเชียลและร้อยละ 46.6 ของคนในโลกโซเชียลคิดว่าไม่มี
ผศ.ดร.นพดล กล่าวว่า ในการศึกษาแนวโน้มการก่อตัวและการปั่นกระแสคนในโลกโซเชียล จากตัวอย่างการใช้ข้อความการเมืองจำนวน 22,046 ตัวอย่าง พบว่า ข้อความการเมืองที่ว่า “เยาวชนปลดแอก” ถูกปล่อยข้อความออกมาเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2563 วันปั่นยอดสูงสุดวันที่ 23 กรกฎาคม แต่แนวโน้มลดต่ำลงแล้ว ปัจจุบันยังคงใช้ ทวิตเตอร์ร้อยละ 88.0 และ วิดีโอ ร้อยละ 4.7 เป็นช่องทางการเคลื่อนไหว
ที่น่าสนใจคือ ข้อความการเมืองที่ว่า ให้มันจบที่รุ่นเรา เริ่มปล่อยข้อความวันที่ 18 กรกฎาคม และจุดปั่นกระแสสูงสุดคือวันที่ 18 กรกฎาคม และแนวโน้มลดต่ำลงเช่นกัน ปัจจุบันยังคงใช้ ทวิตเตอร์ ร้อยละ 72.5 แต่ที่น่าพิจารณาคือ ใช้อินสตาแกรมเป็นช่องทางสำหรับข้อความ ให้มันจบที่รุ่นเรา สูงถึงร้อยละ 20.0
ต่อมาคือ ข้อความการเมือง ที่ใช้ข้อความรุนแรงในการสื่อสารคือ สังหารหมู่ธรรมศาสตร์ โดยพบวันปล่อยข้อความคือวันที่ 6 สิงหาคม 2563 แต่ไม่ได้รับการตอบรับมากนัก แต่วันที่ 12 สิงหาคม พบว่ามีการระดมปั่นยอดกระแส สังหารหมู่ธรรมศาสตร์ สูงสุด ผ่านทาง ทวิตเตอร์ถึงร้อยละ 96.9 และอินสตาแกรม ร้อยละ 2.1
นอกจากนี้ข้อความการเมือง ที่ว่าคณะประชาชนปลดแอก ถูกค้นพบว่ามีการปล่อยข้อความนี้ออกมาวันที่ 31 กรกฎาคม และปั่นยอดสูงสุดวันที่ 6 สิงหาคม โดยมีความแตกต่างไปจากข้อความการเมืองอื่น ๆ เพราะผ่านทางทวิตเตอร์เพียงร้อยละ 49.6 ผ่านทางสำนักข่าวต่าง ๆ ร้อยละ 24.6 และ วิดีโอ ร้อยละ 18.1
นอกจากนี้เยาวชนที่อยู่ในช่วงอายุระหว่าง 15 – 24 ปีทั่วประเทศมีอยู่ 8,662,473 คนอ้างอิงจากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย แต่เด็กและเยาวชนที่ออกมาเคลื่อนไหวให้เห็นทั้งในโลกโซเชียลและนอกโลกโซเชียลมีความหลากหลายและสัดส่วนแตกต่างกัน ทั้งในระดับหลักพันและหลักหมื่นคน โดยปะปนกันในหลายวัตถุประสงค์ เช่น ผู้หลักผู้ใหญ่ทางการเมืองไม่เป็นตัวอย่างที่ดี ต้องการให้ยุบสภา ต้องการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่พอใจต่อรัฐบาล ความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรม และการก้าวล่วงละเมิดต่อสถาบัน เป็นต้น
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวต่อว่า ถ้ามีการเปิดพื้นที่ให้เด็กและเยาวชนได้แสดงออกโดยมีกติกา คัดกรอง แยกกลุ่มออกให้ชัด จะไม่ทำให้เด็กและเยาวชนตกเป็นเหยื่อของขบวนการก่อการ ให้เกิดความรุนแรงในสังคมเพื่อมุ่งหวังการเปลี่ยนแปลง จึงเสนอให้วิเคราะห์แยกกลุ่มแยกเวที จะพบว่าปัญหาม็อบในเวลานี้ จะยังพอบริหารจัดการอารมณ์ของเด็กและเยาวชนได้ ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ใครถูกก็ว่าไปตามถูก โดยเด็กและเยาวชนผู้บริสุทธิ์ทั้งหลายคงจะมองออกอย่างมีสติ สมาธิ และปัญญา ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นได้เพราะเอาเข้าจริงๆ คนส่วนใหญ่ทั้งประเทศในเวลานี้ ยังจำได้ถึงความดีและประโยชน์สุขที่ได้รับจากโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการพัฒนาและฟื้นฟูป่าชายเลน โครงการช่างหัวมัน โครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และโครงการอื่น ๆ อีกเป็นพัน ๆ โครงการ
“ถ้าหากเด็กและเยาวชนเหล่านี้ ใช้อุปกรณ์ที่อยู่บนฝ่ามือของแต่ละคน ค้นคำว่า โครงการพระราชดำริฯ แล้ว คงจะรู้จักคำว่า ยับยั้ง ชั่งใจ ได้บ้าง เพราะฝ่ายที่ต้องการทำลายบ้านเมืองของเรา อาจจะต้องการให้เกิดความสูญเสียสุด ๆ ของประเทศ ก่อนวันที่ 13 ตุลาคมนี้ จึงขอให้เด็กเยาวชนและผู้ใหญ่ในบ้านเมืองลองช่วยกันพิจารณาและภาวนา สลับกันไป” ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าว
อ่านเพิ่มเติม...
August 16, 2020 at 12:56PM
https://ift.tt/3156eWl
คนกังวลม็อบบานปลาย เชื่อนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง จี้หยุดจาบจ้วง - ไทยรัฐ
https://ift.tt/2Yzw6an
Bagikan Berita Ini
0 Response to "คนกังวลม็อบบานปลาย เชื่อนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง จี้หยุดจาบจ้วง - ไทยรัฐ"
Post a Comment