โลกยังระทมกับพิษโควิด-19 ทั้งนี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานสถานการณ์โควิด-19 ในทั่วโลก เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ว่า มีผู้ติดเชื้อวันเดียวกว่า 306,000 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อทะลุไปแล้วกว่า 34 ล้านราย รักษาหายแล้วกว่า 25.4 ล้านราย ส่วนยอดเสียชีวิตวันเดียวมีอีกราว 6,000 ราย รวมผู้เสียชีวิตกว่า 1 ล้านราย สหรัฐฯยังเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดในโลก โดยมีผู้ติดเชื้อวันเดียวสูงถึง 38,000 ราย รวม ติดเชื้อสะสมเป็น 7.4 ล้านรายเศษ เสียชีวิตรวมกว่า 211,000 ราย ตามด้วยอินเดียที่ยังมีผู้ติดเชื้่อรายวัน เกินกว่าครึ่งแสนอีกกว่า 86,000 ราย รวมติดเชื้อกว่า 6.3 ล้านราย เสียชีวิตวันเดียวอีก 1,179 รายทำให้ยอดเสียชีวิตอยู่ที่ 98,000 ราย ใกล้แตะหลักแสน
ประธานาธิบดี มาริ์ต วิซคาร์รา แห่งเปรูเผยว่า ทางการจะเริ่มเปิดเที่ยวบินระหว่างประเทศใน 11 ปลายทาง ตั้งแต่วันที่ 5 ต.ค.ให้กับประเทศภายในภูมิภาค เช่น โคลอมเบีย เอกวาดอร์ ชิลี โบลิเวีย ปารากวัย อุรุกวัย ปานามา แต่ผู้โดยสารทุกคนต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 ช่วงที่เข้าประเทศ เป็นแผนส่วนหนึ่งของการยกเลิกกฎคุมเข้มและกลับมาเปิดเศรษฐกิจ เพราะภาวะการติดเชื้อและเสียชีวิตในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาเริ่มลดน้อยลง ด้วยตัวเลขผู้ติดเชื้อกว่า 811,000 ราย เสียชีวิต 32,400 ราย มากเป็นอันดับ 2 ของละติน อเมริกา ตามหลังบราซิลที่มากสุดในละติน อเมริกา และมากเป็นอันดับ 2 ของโลก ด้วยตัวเลขผู้ติดเชื้อกว่า 4.8 ล้านราย เสียชีวิตกว่า 143,000 ราย
ที่แคนาดา นายบิลล์ แบลร์ รมว.ความปลอดภัยสาธารณะของแคนาดา ทวีตข้อความว่า รัฐบาลขยายคำสั่งห้ามการเดินทางระหว่างประเทศที่ไม่จำเป็นออกไปจนถึงสิ้นเดือน ต.ค. นับแต่เริ่มบังคับใช้ช่วงกลางเดือน มี.ค. ยกเว้นคู่สามีภรรยา บุตรหลาน พ่อแม่หรือผู้ปกครองชาวแคนาดาและผู้ที่พำนักถาวร ท่ามกลางการระบาดระลอกสอง ส่วนหนึ่งมาจากการกลับมาเปิดโรงเรียนและคนกลับมาทำงานนับล้านคน มีผู้ติดเชื้อเพิ่มเกือบ 1,800 ราย รวมแล้วกว่า 158,000 ราย เสียชีวิตอีก 6 ราย รวมยอดเสียชีวิตกว่า 9,200 ราย อยู่ในอันดับที่ 26 ของโลก
นายสเตฟาน บันเซล ซีอีโอโมเดอร์นา บริษัทด้านเทคโนโลยีชีวภาพสหรัฐฯ เผยว่า บริษัทจะไม่ขออำนาจตามมาตรการฉุกเฉินหรือ EUA สำหรับวัคซีนโควิด-19 กับองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ หรือ FDA ก่อนวันที่ 25 พ.ย. ซึ่งเป็นเวลาที่จะเก็บรวบรวมข้อมูลความปลอดภัยของวัคซีนเพียงพอก่อนทำเรื่องเข้าสู่ภายใต้ EUA ถือเป็นการดับความหวังของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่กล่าวบ่อยครั้งว่า วัคซีนโควิด-19 จะพร้อมใช้ก่อนถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ วันที่ 3 พ.ย.
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เข้าพบเมื่อวันที่ 30 ก.ย. หารือระเบียบและข้อกฎหมายในการตั้งศูนย์ปฏิบัติการ (ศปก.ศบค.) ขึ้นในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ศบค.ว่า เมื่อสถานการณ์โควิดเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่มีหลายศูนย์อยู่ใน ศบค.ทั้งฝ่ายแพทย์ ฝ่ายกักตัว ในวันนี้ที่ยังต้องขยายเวลาใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ใช่เพื่อไปควบคุม แต่ต้องการบูรณาการงาน สนธิกำลังหรือทำให้เกิดความเป็นเอกภาพ เพราะการมีหลายศูนย์ใน ศบค. อาจจะกระจัดกระจายเกินไปไม่เป็นเอกภาพ โดย พล.อ.ณัฐพลเห็นว่า เมื่อ ศบค.ต้องการสร้างความเป็นเอกภาพ ต้องการบูรณาการ จึงคิดและเสนอมาให้ตั้ง ศปก.ศบค. ซึ่งเป็นศูนย์ในขั้นปฏิบัติการ จึงต้องการรวมเข้ามาเป็นศูนย์ปฏิบัติการหรือ ศปก. เพื่อกลั่นกรองเรื่องก่อนจะเสนอเข้า ศบค.ชุดใหญ่ เพื่อ ศบค.ใหญ่เสนอเข้า ครม. จะได้เป็น 3 ชั้น รอบคอบดี โดยมีเลขาฯ สมช.เป็นประธาน
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีเสียงวิจารณ์ว่าตั้ง ศปก.ศบค.ขึ้นมาเพื่อรับมือการระบาดรอบสองหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่ทำให้มีความทะมัดทะแมงและ รวดเร็วขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าโควิด-19 ระบาดระลอกสอง ก็ต้องกลับไปใช้โครงสร้างเดิมทั้งหมด ขณะเดียวกันการที่ ศบค.เปิดผ่อนผันตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นไป เป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะเตรียมรับมือ ไม่ว่าจะลงภูเก็ต ลงสุวรรณภูมิ จึงเป็นเหตุที่ ศปก.ศบค.จะต้องเตรียมรับมือในส่วนนี้ด้วย นั่นคือการรับมืออย่างรวดเร็ว การตั้ง ศปก.ศบค.ดังกล่าว ทุกฝ่ายเห็นชอบ ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะไม่ได้เป็นการลิดรอนหรือตัดอำนาจใครและไม่ได้เพิ่มอำนาจให้ใคร

ด้าน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุขคนใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการในปีงบประมาณ 2564 ซึ่งมีเรื่องของการเตรียมรับมือกับโควิด-19 ว่า มอบหมาย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ว่าที่อธิบดีกรมควบคุมโรค จัดทำแผน การรับมือการระบาดระลอก 2 ร่วมกับทีมนักวิชาการประเมินสถานการณ์ โดยจะแถลงข้อมูลสัปดาห์หน้า รวมถึงการเตรียมวัคซีนป้องกัน ซึ่งปีแรกของการมีวัคซีนจะต้องมีรองรับให้ได้ 50% ของประชากร โดย 20% ใช้สำหรับกลุ่มเสี่ยง ไม่อยากให้ทุกคนวิตก แต่ย้ำถึงมาตรการสังคมที่ขอให้ทุกคนยึดปฏิบัติต่อเนื่องที่สามารถป้องกันได้ ทั้งการใส่หน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ รักษาระยะห่าง มอบเป็นนโยบายให้บุคลากร กระทรวงฯ ประมาณ 4 แสนคน สวมหน้ากากอนามัยทุกคน เพื่อเป็นแบบอย่างในการป้องกันและการติดเชื้อ
ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 วันที่ 1 ต.ค. ของไทยมีรายงานพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 5 รายเป็นผู้กลับจากต่างประเทศ มาจากฟิลิปปินส์ อิหร่าน อินเดีย ประเทศละ 1 รายและบราซิล 2 ราย
วันเดียวกัน พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงผลสำรวจพฤติกรรมสุขภาพของประชาชนเรื่องโควิด-19 ที่สำรวจทางออนไลน์ ระหว่างวันที่ 16-28 ก.ย. พบว่า ประชาชนลดการสวมหน้ากากลงจากร้อยละ 93.5 เหลือร้อยละ 66.9 แต่จะสวมหน้ากากต่อเนื่องร้อยละ 55.3 และอาการเจ็บป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจลดลง ปีนี้ตั้งแต่ 1 ม.ค.-26 ก.ย.ผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ลดลง มีรายงานเพียง 110,930 ราย เสียชีวิต 4 ราย ขณะที่ปี 2562 มีรายงานผู้ป่วย 304,425 ราย ขอให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเข้มข้น สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้านไปในพื้นที่สาธารณะ ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง ลดการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้อื่น ลงทะเบียนเข้าออกสถานที่ที่ใช้บริการด้วยแพลตฟอร์มไทยชนะ เพื่อช่วยกันรักษาสถานการณ์ให้อยู่ในระดับต่ำต่อไป
October 02, 2020 at 05:25AM
https://ift.tt/33q70yl
โลกติดโควิด วันเดียว 3 แสน ตาย 6000 ศพ "ไทย 5" จากนอก - ไทยรัฐ
https://ift.tt/2Yzw6an
Bagikan Berita Ini
0 Response to "โลกติดโควิด วันเดียว 3 แสน ตาย 6000 ศพ "ไทย 5" จากนอก - ไทยรัฐ"
Post a Comment